อาการ ปวดท้องน้อย เป็นอาการปวดที่ผู้ที่เริ่มฝังตัวอ่อน หรือตั้งครรภ์มีความกังวลใจเพราะว่า อาจจะเสี่ยงต่อภาวะแท้งบุตร วันนี้เราจะมาบอกถึงสาเหตุของอาการปวดท้อง และวิธีสังเกตอาการว่าปวดท้องแบบไหนที่อันตรายที่ส่งผลรุนแรงถึงขั้นแท้งบุตรได้
อาการ ปวดท้องน้อย ในหญิงตั้งครรภ์เกิดจากอะไร?
เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป โดยมักจะเกิดขึ้นจากการปวดที่ท้องทางด้านขวาหรือซ้าย ซึ่งระดับความปวดมากหรือปวดน้อยนั้นขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ เช่น การเดินบ่อยๆ การออกกำลังกายที่มากเกินไป การขึ้นลงบันไดหรือการเคลื่อนไหวเร็วจนเกินไป ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มักจะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บหรือปวดท้องได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ปวดนั้นมักเกิดจากการฝังของตัวอ่อน อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด
ควรจะทำอย่างไร เมื่อมีอาการปวดท้อง
- เมื่อเกิดอาการปวดบริเวณท้องน้อย ควรหยุดที่จะทำกิจกรรมทุกอย่างอยู่ทันที แล้วนั่งหรือนอนพักให้ร่างกายผ่อนคลายขึ้น จนอาการปวดทุเลาลง
- หากมีอาการปวดน้อยระหว่างการนอน ให้ลองปรับเปลี่ยนท่าทางการนอนจากนอนหงายให้ลองนอนตะแคงซ้ายหรือขวา
- การใช้หมอนหนุนบริเวณหลังขณะนั่ง จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้
- อาบน้ำอุ่น สามารถช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
- การใช้มือลูบวนบริเวณหน้าท้อง สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้
- ถ้าเกิดมีอาการปวดมาก หรือมีมีเลือดออกควรรีบไปพบแพทย์ทันที
อาการแบบไหน เสี่ยงแท้ง?
1. อาการติดเชื้อ
ในบางกรณี อาการปวดท้องอาจเกิดจากที่การติดเชื้อจากกระเพาะอาหาร อาการปวดจากไส้ติ่งอักเสบ หรืออาหารเป็นพิษได้ ซึ่งอาการเหล่านี้มักส่งผลให้เกิดการปวดท้องอย่างรุนแรง และมีอาการอาเจียนร่วมด้วย หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
2. ตั้งครรภ์นอกมดลูก
การตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติจากตัวอ่อนเข้าไปฝังตัวในตำแหน่งนอกโพรงมดลูก หรือในบางรายอาจจะเกิดจากความผิดปกติของท่อนำไข่ที่ไม่สามารถฝังตัวในบริเวณที่เหมาะสมได้ จึงทำให้ต้องฝังตัวบริเวณท่อนำไข่หรือปีกมดลูก ซึ่งส่งผลให้ตัวอ่อนไม่สามารถเจริญเติบโตได้ และนอกจากนี้ยังมีสามารถส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นควรสังเกตอาการต่างๆ เหล่านี้ให้ดี เช่น อาการปวดท้องเฉียบพลัน มีเลือดออก หรือ เวียนศีรษะ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ภาวะท้องนอกมดลูกเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดได้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ และการรักษาสุขภาพ เช่น การไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดการสูบบุหรี่ และการใช้เทคโนโลยีช่วยผู้มีบุตรยากอย่างการทำอิ๊กซี่ (ICSI) ยังสามารถช่วยลดปัจจัยการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
( การทำอิ๊กซี่ (ICSI) คืออะไร ? << อ่านต่อ )
( โรคกลุ่มเสี่ยงมีลูกยาก ต้องทำอิ๊กซี่ (ICSI) << อ่านต่อ )
3. ภาวะแท้งคุกคาม
เป็นภาวะเสี่ยงที่มักจะทำให้เกิดการแท้งบุตรง่าย ภาวะนี้มักเกิดในหญิงที่มีการตั้งครรภ์ในช่วงช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงมากขึ้นหากเป็นผู้ที่เคยแท้งมาก่อน หรือหญิงที่มีอายุเยอะเกิน 35 ปี (เพิ่มโอกาสแท้ง 15%) และอายุ 40 ปีขึ้นไป (เพิ่มโอกาสแท้งมากกว่า 30%) โดยออาการแท้งคุกคามนั้นมักจะเกิดจากการลอกตัวของรกบนผนังมดลูก ซึ่งสาเหตุการเกิดการลอกตัวนั้นสามารถเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น
- ทารกในครรภ์เกิดพัฒนาผิดปกติ
- มีเนื้องอกหรือเกิดพังผืดในมดลูก โพรงมดลูก หรือปากมดลูกขณะตั้งครรภ์
- เกิดจากการขูดมดลูกเนื่องจากแท้งเป็นประจำ
- การติดเชื้อในช่องคลอด หัดเยอรมัน โรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไซโตเมกาโลไวรัสหรือเชื้อซีเอ็มวี (Cytomegalovirus; CMV)
- ได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุหรือการเคลื่นไหวที่เร็วจนเกินไป
- การขาดฮอร์โมนเพศที่ส่งผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางเกินไป และไม่เหมาสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน
- ผู้ที่ตั้งครรภ์เกิดอาการเครียด มีความวิตกกังวลสูง หรือเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า
- สามีหรือภรรยาสูบบุหรี่ หรือรับควันจากบุหรี่มือสอง
- การดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป
- การติดสารเสพติดประเภทโคเคน
( โรคซึมเศร้าทำให้มีลูกยาก ความเครียดที่ส่งผลต่อภาวะมีบุตรยาก << อ่านต่อ )
วิธีป้องกันภาวะเสี่ยงแท้งคุกคาม
- ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงแท้งคุกคามควรจะได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด หากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงแท้งคุกคาม หรือมีภาวะทางอารมณ์ที่ควบคุมยาก ควรจะได้รับการรักษาก่อนทำการตั้งครรภ์
- ควรได้รับการพักผ่อนและนอนหลับให้เพียงพอ
- ทำจิตใจให้สบาย หลีกเลี่ยงความเครียด หรือเรื่องวิตกกังวล
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลากหลายเพื่อการพัฒนาการที่ดีต่อทารกในครรภ์
- งดการสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงสถานที่ๆ มีควันบุหรี่มือสอง และเครื่องดื่มแอลกฮอล์/คาเฟอีนทุกชนิด
- ไม่ควรทานยาที่ไม่มีที่มา หรือ ไม่ได้รับการอนุญาตจากแพทย์
- ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายหักโหม
- ควรตรวจสุขภาพครรภ์และไปตามการนัดหมายของแพทย์เป็นประจำ
- หากเกิดเลือดออกทางช่องหลอด หรือมีอาการปวดมากควรไปพบแพทย์ทันที
4.ปวดท้องคลอดก่อนกำหนด
อาการนี้มักจะเกิดในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ อาหารนี้หญิงที่ตั้งครรภ์มักจะมีอาการปวดตรงบริเวณเชิงกรานอย่างมาก ในบางกรณี อาจจะมีน้ำคร่ำแตกร่วมด้วย ซึ่งอาการนี้เป็นอาการของภาวะเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ควรเข้าพบแพทย์ทันที ( ปวดท้องน้อย หลังฝังตัวอ่อน 4 อาการปวดท้องระหว่างตั้งครรภ์ แบบไหนเสี่ยงแท้ง << อ่านต่อ )
………………………………………………
เพื่อไม่ให้พลาดความรู้ดี ๆ กด Like Page และอย่าลืม Subscribe
Worldwide IVF Channel ไว้เลยครับ
👉🏻 พอดแคสต์ของคนอยากมีลูก : https://bit.ly/3kdJI3K
………………………………………………
แพทย์ผู้เขียน
แพทย์ผู้เขียน
นพ.ธิติกรณ์ วาณิชย์กุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูตินรีเวชศาสตร์
นพ.ธิติกรณ์ วาณิชย์กุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูตินรีเวชศาสตร์