จริงหรือไม่? สีประจำเดือน สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพภายในของระบบเจริญพันธุ์ว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่แล้ว? ยังสามารถบ่งบอกว่า ท่านกำลังมีภาวะมีลูกยากหรือไม่? วันนี้เราจะนำเสนอมานำเสนอให้ท่านสังเกตตัวเองดูว่า สีประจำเดือนของท่านเป็นแบบไหน?
สีประจำเดือน กำลังบอกอะไร?
การมีประจำเดือนนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนจากระบบเจริญพันธุ์ ในทุกๆ เดือนจะมีไข่ตก เพื่อรอการปฏิสนธิจากอสุจิ ซึ่งระหว่างนั้นร่างกายจะทำการสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นมาให้มีลักษณะหนานุ่มเพื่อรองรับการฝังตัวอ่อนที่ได้รับการปฏิสนธิเพื่อให้เกิดเป็นทารกต่อไป แต่ถ้าหากในรอบเดือนนั้นๆ ไข่ไม่ได้รับการผสมกับอสุจิ ไข่ก็จะฝ่อไปเองตามธรรมชาติ ส่วนเยื่อบุโพรงมดลูกก็จะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือนโดยจะมีปริมาณและสีของประจำเดือนก็มักจะแต่งต่างกันออกไปอยู่ที่สุขภาพในช่วงเวลานั้นๆ
> สีแดงออกคล้ำเล็กน้อย หรือสีแดงสด
เป็นสีของประจำเดือนที่อยู่ในภาวะปกติ สีนี้มักจะปรากฏในช่วงแรกๆ ของการเป็นประจำเดือน ในระยะนี้หลายคนมักจะมีอาการปวดท้องประจำเดือนร่วมด้วยซึ่งเกิดจากภาวะมดลูกมีการหดรัดตัวเพื่อให้เลือดหยุดซึ่งเป็นกลไกตามธรรมชาติ สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อระงับอาการปวดได้ แต่ถ้ามีอาการปวดจนทนไม่ไหวควรเข้าพบแพทย์
> สีน้ำตาลอ่อนและสีเข้มจนเกือบดำ
เป็นสีที่มักจะออกมาในช่วงระยะท้ายๆ ของการมีประจำเดือน ซึ่งสีของเลือดประจำเดือนที่คล้ำลงนั้นเกิดจากเลือดที่ค้างอยู่ภายในมดลูกนานตั้งแต่ช่วงแรกในการมีประจำเดือน แต่ว่าไม่ได้ถูกขับออกมาในทันที ดังนั้นจากสีแดงจึงเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล
แต่หากว่าท่านเป็นผู้ที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกบาง และรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นประจำ อาจจะเป็นเรื่องปกติที่ประจำเดือนจะมาไม่เยอะมาก และอาจจะมีทั้งสีแดงสด สีน้ำตาลอ่อนหรือสีเข้มบางซึ่งไม่ถือว่าผิดปกติ แต่ถ้าหากท่านไม่ได้ทานยาคุมกำเนิด แต่ประจำเดือนมีน้อยและมีสีน้ำตาล อาจเป็นภาวะเลือดออกจากการตั้งครรภ์หรือมีความผิดปกติของฮอร์โมนในระบบเจริญพันธุ์ควรเข้าพบแพทย์ทันที
> ประจำเดือนมาน้อยหรือ กะปริบกะปรอย
ประจำเดือนที่มาน้อยหรือมาแบบกะปริบกะปรอยนั้น มีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น
- น้ำหนักที่ “ต่ำกว่า” มาตราฐาน เนื่องจากในมวลร่างกายนั้นควรจะมีมวลกล้ามเนื้อและไขมันที่สมดุล หากร่างกายผอมเกินไปอาจจะส่งผลให้ร่างกายสะสมไขมันลดลงและทำให้การผลิตไข่น้อยลง
- น้ำหนักที่ “เกินกว่า” มาตราฐาน เนื่องจากผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ต่ำกว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักตามมาตราฐานถึง 40% เนื่องจากภาวะน้ำหนักเกินทำให้ร่างกายไม่สมดุล ทำให้ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติและมาให้ไม่สม่ำเสมอ อ่านต่อได้ที่ โรคอ้วน กับภาวะมีบุตรยาก น้ำหนักเกิน ทำไมถึงเสี่ยงลูกยาก
- การออกกำลังกายมากไป ในบางรายอาจจะหักโหมการออกกำลังกายมากเกินไป จนทำให้มวลไขมันในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็วเกินไป ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวนส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- สาเหตุจากการทานยาเม็ดคุมกำเนิด เนื่องจากการทานยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นเป็นการทานเพื่อควบคุมฮอร์โมนโปรเจนเตอโรนในร่างกาย ทำให้อาจจะมีช่วงที่ประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติ
- ปัญหาด้านระบบภายในอุ้งเชิงกร้าน เป็นความผิดปกติของภายในที่ประจำเดือนไม่ถูกขับออกมาตามธรรมชาติแต่ถูกเก็บไว้ภายในโพรงมดลูก พังผืดในโพรงมดลูก เนื้องอกในโพรงมดลูก หรือภาวะถุงรังไข่หลายใบ หรือ Polycystic ovary syndrome (PCOS) จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
( พฤติกรรมมีลูกยาก เช็คปัจจัยความเสี่ยงที่คุณอาจทำโดยไม่รู้ตัว << อ่านต่อ )
( 10 อาการมีลูกยาก สัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังมี “ภาวะมีลูกยาก” << อ่านต่อ )
ประจำเดือนไม่มา แปลว่าท้องเสมอไปหรือไม่?
อาการของประจำเดือนไม่มานั้นไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์แน่ๆ แต่อย่างใด ดังนั้นหากท่านกำลังสงสัยว่าตั้งครรภ์หรือไม่? แนะนำให้ซื้อเครื่องตรวจสอบการตั้งครรภ์มาใช้ โดยชุดการทดสอบนี้สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เพื่อผลที่แม่นยำที่สุดควรใช้ปัสสาวะแรกที่ตื่นนอนตอนเช้า เนื่องจากเป็นเวลาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนคลั่งออกมาในปัสสาวะมากที่สุด และหากตรวจในครั้งแรกแล้วยังไม่พบการตั้งครรภ์แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 7-10 วัน
ประจำเดือนแบบไหนถึงจะบ่งบอกว่า “มีลูกยาก”
1.ดูจากรอบเดือน
โดยทั่วไปแล้วประจำเดือนรอบปกติจะอยู่ที่ 21-35 วัน หากท่านเป็นผู้ที่มีรอบประจำเดือนน้อยหรือมากกว่ารอบดังกล่าว เช่นรอบนึงมีประจำเดือนมากกว่า 1 ครั้ง หรือเกิน 35 วันแล้วประจำเดือนยังไม่มา อาจจะเกิดจากความผิดปกติในระบบเจริญพันธุ์ เช่น อาการของภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง ในกรณีนี้มักตรวจพบในฝ่ายหญิงที่มีน้ำหนักเกินและผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายสูง หรือในบางกรณีฝ่ายหญิงมีผนังโพรงมดลูกหนาเกินไปเพราะไม่มีการตกไข่ ในกลุ่มนี้อาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะตรวจพบมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ดังนั้นหากพบความผิดปกติควรเข้าพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุทันที
** อาการของประจำเดือนมาไม่ปกติ ในบางครั้งก็เกิดจากภาวะความเครียด หรือโรคประจำตัวอื่นๆ ได้เช่น โรคไทรอยด์ ฮอร์โมนต่อมใต้สมอง ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะส่งผลให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนทั้งสิ้น
( วิธี นับวันไข่ตก วิธีง่ายๆ แก้ปัญหามีลูกยากด้วยวิธีธรรมชาติ << อ่านต่อ )
2.ปริมาณของประจำเดือน
ประจำเดือนของทั่วไปนั้นจะมีระยะเวลาอยู่ที่ 2-7 วัน และจะมีปริมาณต่อวันนับจากจำนวนผ้าอนามัยที่ใช้เปลี่ยนแล้วไม่ควรเกิน 3-5 แผ่นต่อวัน ซึ่งหากมากกว่านี้ถือว่า เป็นประจำเดือนที่มามากผิดปกติ นอกจากนี้ควรจะสังเกตลักษณะของเลือดประจำเดือนด้วยว่า มีลิ่มเลือดที่มีขนาดเกินปลายนิ้วก้อยออกมาร่วมด้วยหรือไม่? และมีเลือดออกกะปริบกะปรอยหลังจากประจำเดือนหยุดแล้วหรือไม่ ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ควรจะเข้าพบแพทย์เพื่อรักษาอาการต่อไป
3.อาการปวดผิดปกติ
การปวดท้องน้อยในระยะที่เป็นประจำเดือนนั้นเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปกับผู้หญิงทุกคน โดยปกติมักจะมีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย ช่องคลอดหรือทวารหนัก และมีอาการปวดหลังร่วมด้วย อาการนี้เกิดจากการหดตัวของร่างกายที่จะเกร็งมดลูกเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดเลือดมากเกินไป และสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งก่อน หลัง หรือระหว่างมีประจำเดือนก็ได้ อาการการปวดประจำเดือนนี้ สามารถบรรเทาได้หลายวิธี เช่น การอาบน้ำอุ่น แช่น้ำอุ่น การประคบร้อนบริเวณท้องน้อย ทานยาแก้ปวดหรือฉีดยาเพื่อลดอาการปวดได้ แต่ถ้าหากมีอาการปวดมากเกินไปเช่น ปวดจนยืดตัวตรงไม่ได้ หรือเดินไม่ได้นั้นควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์ เนื่องจากระบบภายในเจริญพันธุ์ภายในร่างกายอาจจะทำงานผิดปกติ เช่น เกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ที่รังไข่ หรือช็อกโกแลตซีสต์ ก็เป็นได้
มีลูกยากควรทำอย่างไร?
หากท่านเข้ารับการวินิจฉัยของแพทย์แล้วว่า กำลังประสบปัญหามีลูกยากอาจจะกังวลว่าจะไม่สามารถมีลูกไว้ชื่นชมเชิดชูได้แล้ว..ความกังวลนั้นสามารถแก้ไขได้ เนื่องจากในปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถรักษาภาวะมีลูกยากได้อย่างตรงจุด เทคนิคนี้หลายคนมักจะคุ้นหูกันในชื่อ “การทำเด็กหลอดแก้ว” หรือ “การทำอิ๊กซี่ (ICSI)” กระบวนการนี้เป็นเทคนิคทางแพทย์ที่ช่วยเรื่องการเจริญพันธุ์ในเชิงของการปฏิสนธินอกร่างกาย และถือเป็นเทคนิคการแพทย์ชั้นสูงที่ถูกพัฒนามาจากการทำเด็กหลอดแก้วแบบ IVF แต่ให้ผลลัพธ์เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จที่สูงกว่า เพราะการทำ IVF นั้นจะเป็นการคัดเลือกไข่ที่สมบูรณ์และเชื้อที่แข็งแรงมาผสมกันจนเป็นตัวอ่อนและจึงนำกลับเข้าไปที่โพรงมดลูก แต่การทำ ICSI จะเป็นการปฏิสนธิแบบตั้งใจก็คือ การนำเข็มใส่เชื้อที่แข็งแรงที่สุดฉีดเข้าไปในไข่เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิจนกลายเป็นตัวอ่อนแล้วจึงนำกลับไปในโพรงมดลูก สามารถคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนได้มากกว่าครรภ์ทั่วไป ช่วยลดความเสี่ยงกับโรคแทรกซ้อนต่างๆ และยังลดความเสี่ยงต่อบุตรในท้องลูกที่เกิดมาอาจเป็นดาวน์ซินโดรมได้อีกด้วย ซึ่งโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์โดยวิธีของการทำอิ๊กซี่นั้นมีสูงถึง 80-85 % อีกด้วย
………………………………………………
เพื่อไม่ให้พลาดความรู้ดี ๆ กด Like Page และอย่าลืม Subscribe
Worldwide IVF Channel ไว้เลยครับ
👉🏻 พอดแคสต์ของคนอยากมีลูก : https://bit.ly/3kdJI3K
………………………………………………
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ICSI คือ ? การทำเด็กหลอดแก้วคืออะไร? ช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากได้อย่างไร
แพทย์ผู้เขียน
แพทย์ผู้เขียน
นพ.ธิติกรณ์ วาณิชย์กุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูตินรีเวชศาสตร์
นพ.ธิติกรณ์ วาณิชย์กุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูตินรีเวชศาสตร์